โดยปกติแล้วส่วนมาก หากเรายื่นคำถามไปยังเด็กๆที่หลงใหลการเล่นฟุตบอล
ว่าหากเป็นได้อยากจะเล่นในตำแหน่งใด
เชื่อว่าคำตอบส่วนใหญ่ย่อมมองไปที่ตำแหน่งกองหน้าหรือพวกตัวทำเกมรุกอย่าง
ไม่ต้องสงสัย เพราะโดยพื้นฐานของมนุษย์นั้น ย่อมต้องการให้ตัวเองตกอยู่ในความสนใจ
อยากเด่นและอยากดังด้วยกันทั้งนั้น
ซึ่งตำแหน่งตัวรุกที่โดยหน้าที่และโอกาสนั้น ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของกีฬาฟุตบอล
ที่ตัดสินกันด้วยการทำประตู มันจึงเป็นเรื่องปกติมากครับที่เด็กๆอายุน้อย
ย่อมปรารถนาจะเห็นตัวเองเป็นดั่งเช่นตำนานดาวยิงชื่อก้องโลก อย่างเช่น โรนัลโด้
, อลัน เชียร์เรอร์ , เอร์นาน เครสโป และ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ เป็นต้น
ส่วนตำแหน่งที่น่าจะเป็นตัวเลือกซึ่งเด็กๆ มองเป็นตำแหน่งสุดท้ายและไม่อยากจะเล่น
แน่นอนว่าย่อมน่าจะเป็นผู้รักษาประตู สาเหตุเพราะมันเป็นตำแหน่งที่เจ็บตัวมากที่สุดนั่นเอง
แต่ความเป็นจริง มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ ที่เด็กทุกคนจะเติบโตมาเป็นกองหน้าหรือตัวรุก
กันทั้งหมด เพราะย่อมต้องมีรายชื่อของหลายคนที่ตกหล่น ไม่อาจแจ้งเกิดกับตำแหน่งที่ตนเองไฝ่ฝันได้
พูดง่ายๆก็คือ เด็กสอบตก นั่นเอง
คำถามคือแล้วบรรดาเด็กที่สอบตกจากการที่จะได้เล่นในพื้นที่อย่างกองหน้า
พวกเขาเหลือตัวเลือกอะไร ในการที่จะเล่นฟุตบอลในตำแหน่งอื่นได้อีกบ้าง?
ว่าด้วยเรื่อง นักเตะ ฟูลแบ็ค ในวงการฟุตบอลยุคนี้
ฟุตบอลในยุคเก่านั้น ตำแหน่งในสนาม ที่ดูจะเล่นง่ายมากที่สุด หนีไม่พ้นตำแหน่งบริเวณกราบสนาม
ทั้งสองข้างซ้ายขวา นั่นก็คือ วิงเกอร์ และ ฟูลแบ็ค นั่นเองครับ
เหตุผลเพราะด้วยพื้นที่รับผิดชอบของผู้เล่นในตำแหน่งพวกนี้ ไม่ต้องมีความรับผิดชอบกับเกมมาก
เหมือนผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆ แถมยังเล่นง่ายเพราะด้วยพื้นที่รับผิดชอบนั้น สามารถมองเห็นศัตรู
มาจากทิศทางเดียวเท่านั้น เนื่องจากอยู่ชิดริมเส้นขอบสนามนั่นเอง
แต่นั่นคือนิยามของฟูลแบ็คในยุคเก่าครับ ที่หน้าที่รับผิดชอบไม่มีอะไรมากไปกว่าเล่นเกมรับในพื้นที่เล็กๆ
บริเวณริมเส้นของสนามฝั่งตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องดันขึ้นสูงเกินเส้นครึ่งสนาม
และนั่นก็คือคำตอบสำหรับ เด็กๆที่สอบตก ไม่สามารถทำผลงานที่ดีกับตำแหน่งอื่นๆในสนาม
ได้ ที่สุดท้ายแล้วมักเลือกมาลงกับตำแหน่งการเล่นง่ายๆที่เรียกว่า ฟูลแบ็ค
–
แต่แม้จะเป็นตำแหน่งที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แถมยังถูกนิยามจากปาก เจมี่ คาราเกอร์
ว่าเป็น”ตำแหน่งของคนที่เอาดีในการเล่นเซนเตอร์ไม่ได้”
แต่ในอดีตที่ผ่านมา วงการฟุตบอลล้วนผ่านการมีผู้เล่นระดับตำนานมากมายในตำแหน่งฟูลแบ็ค
ไม่ว่าจะเป็น คาร์ฟู และ โรแบร์โต้ คาร์ลอส อดีตตำนานของทีมชาติบราซิล
ซึ่งในยุคหลังก็ยังมี มาร์เซโล่ และ ดานี่ อัลเวส ที่ก้าวขึ้นมาสืบทอดตำนานในตำแหน่งฟูลแบ็คของแซมบ้าต่อ
หรืออย่างของทีมชาติอิตาลีเอง ก็มี เปาโล มัลดินี่ ที่แจ้งเกิดมาจากตำแหน่งแบ็คขวา
ก่อนจะถูกเปลี่ยนให้มาเล่นแบ็คซ้าย จนสร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ขึ้นมากับเอซี มิลาน
แถมยังเคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลง ดอร์ มาแล้วถึงสองครั้ง
จากเอซี มิลาน ข้ามไปที่เพื่อนร่วมเมืองอย่างอินเตอร์ มิลาน ก็ยังมีตำนานนักเตะในตำแหน่งนี้
ตัวอย่างเช่น จาชินโต้ ฟัคเคตติ ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นฟูลแบ็คสไตล์อิตาเลี่ยนดั้งเดิมขนานแท้
ที่มีความแข็งแกร่งและเคี้ยวลากดิน แต่ที่ตัวเค้านั้นแตกต่างจากคนอื่นก็คือการที่เค้าเป็นคนที่เล่นเกมส์รุกได้สุดยอดคนเหนึ่งเลย
ด้วยสมรรถภาพทางร่างกาย, ความเร็ว และความแข็งแกร่ง ผสมผสานกัน และยังเป็นฟังเฟืองสำคัญที่พาทีมอินเตอร์ มิลาน
ครองความยิ่งใหญ่ในยุค 60 โดยได้แชมป์กัลโช่ ซีรีอาร์ได้ 4 สมัยในปี 1963-1971 และแชมป์ยูโรเปี่ยนคัพ 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 1964-65
ไล่มาจนถึงในยุคหลังทีมงูใหญ่ก็มี ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ สุภาพบุรุษลูกหนังชาวอาร์เจนติน่า
ที่รับใช้ทีมยาวนานถึง 19 ปี และโดดเด่นอย่างมาก เกมส์รับที่ทำให้เค้ากลายเป็นปรมาจารย์ทางด้านนี้
ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเกมส์ เข้าแท็คเกิล หรือการตามประกบคู่แข่งไม่ให้กระดิกไปไหน และที่สำคัญเค้าสามารถเล่นได้ทั้งสองเท้า
ให้เล่นตำแหน่งแบ็คซ้ายก็ได้ แบ็คขวาก็ดี หรือจะเล่นในกองกลางก็ได้อย่างไม่ขัดเขิน
ข้ามมาที่ฝั่งอังกฤษ ก็เคยมีผู้เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็คระดับโลก ที่ผลงานดีคงเส้นคงวา
เกิดขึ้นมากมาย ทั้ง เดนนิส เออร์วิน และ แกรี่ เนวิลล์ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ไล่มาจนถึง แอชลี่ย์ โคล ตำนานที่แจ้งเกิดจากสโมสรอาร์เซน่อล
จะสังเกตุได้อย่างหนึ่งว่า ในฟุตบอลสมัยใหม่นั้น ผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ็ค มักได้รับมอบบทบาทหน้าที่เพิ่มเติมขึ้นมากกว่าในยุคก่อน
หน้าที่ของพวกเขาไม่ใช่การเล่นเกมรับเพียงอย่างเดียว เพราะต้องทำหน้าที่ในการดันสูง เป็นทางเลือกเพิ่มเติมในเกมรุกของทีมด้วย
อีกทั้งด้วยวิวัฒนาการของฟุตบอล ที่ระยะหลังมักไม่มีผู้เล่นตำแหน่งปีกโดยธรรมชาติเหมือนสมัยก่อน
จึงทำให้ ฟูลแบ็ค มีหน้าที่ควบสองทั้งการเล่นเกมรับและเติมสูงขึ้นมาเล่นเกมรุกในบทบาทที่ไม่ต่างจากปีกนั่นเอง
แถมยังต้องรับผิดชอบเรื่องการเล่นเกมรับ ที่ต้องคอยตามดูตัวประกบอยู่ตลอดเวลา
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ตำแหน่งฟูลแบ็คก็ยังเป็นตำแหน่งที่ไม่ต่างอะไรจากลูกภรรยาน้อย
ที่มักถูกมองข้ามไม่ให้ค่า แถมยังเป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครอยากเล่นเหมือนเดิม
จนทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน ได้เห็นวิวัฒนาการของตำแหน่งฟูลแบ็ค
ที่ชัดเจนมากขึ้น ผ่านผลงานการลงเล่นของเด็กหนุ่มสองคนจากสโมสรลิเวอร์พูล
ใช่แล้วครับพวกเขาคือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
ท่ามกลางความโดดเด่นของสามประสานอย่าง ซาดิโอ มาเน่ , โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์
ที่ผลัดกันโชว์ผลงานล่าตาข่ายจนพาทีมหงส์แดง ขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ ลีก อยู่ในตอนนี้นั้น
มันมีเบื้องหลังเกิดจากการทำงานหนักของสองฟูลแบ็คชาวอังกฤษและสกอตแลนด์
ที่คอยสร้างสรรค์โอกาสการทำประตูมาจากบริเวณพื้นที่ริมสนาม
จำนวน 47 ประตูที่ลิเวอร์พูล ยิงได้ในพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนี้ เกิดจากการแอสซิสต์
จากเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ถึง 8 ครั้ง และอีกหกครั้งจาก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายของ เทรนท์ ที่โดดเด่นขึ้นมาจนถูกนิยามยกย่องว่าเป็น
ผู้เล่นที่ไม่ต่างอะไรจากเพลเมกเกอร์ ในตำแหน่งฟูลแบ็ค เพราะสามารถสร้างสรรค์เกมรุกให้ทีม
ได้อย่างชัดเจน จนกลายเป็นกำลังสำคัญที่สุดของทีมแชมป์สโมสรโลก
ยิ่งหากมองที่ตัวเลขอายุของเขา ซึ่งเพิ่งมีวัยเพียง 21 ปี แต่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้ตั้งแต่เมื่อฤดูกาล 2017-2018
และจนถึงตอนนี้ลงรับใช้สโมสรไปแล้ว 114 เกม เขามีส่วนกับการได้ประตูมากถึง 44 ครั้ง แบ่งเป็นการแอสซิสต์ 34 และยิงประตูเอง 10 ลูก
คิดเป็นสัดส่วนต่อการลงสนามแล้วเกือบ 50% เลยทีเดียว
ขณะที่ตัว แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ปัจจุบันอายุ 24 ปี ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
โดยหากย้อนดูตั้งแต่สมัยเริ่มต้นเส้นทางค้าแข้งกับทีมควีนส์ปาร์ค เอฟซี ในประเทศสกอตแลนด์
จนมาถึงลิเวอร์พูล ต้นสังกัดปัจจุบัน โรเบิร์ตสัน มีตัวเลขการแอสซิสต์ มากถึง 44 ครั้ง และทำได้อีก 15 ประตู
ลองคิดภาพตามง่ายๆนะครับ ตอนนี้มันเหมือนกับลิเวอร์พูล มีโรแบร์โต้ คาร์ลอส อดีตตำนานฟูลแบ็คชาวบราซิลอยู่ในทีม
เพราะทั้งแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ มียอดการแอสซิสต์รวมกันไปแล้ว 77 ครั้ง
ทั้งที่อายุยังน้อยอยู่ ขณะที่ตลอดอาชีพการเล่นของ โรแบร์โต้ คาร์ลอส เขามีตัวเลขการแอสซิสต์อยู่ที่ 113 ครั้ง
ซึ่งมากกว่าสองวัยรุ่นจากแอนฟิลด์เพียงแค่ 33 ครั้งเท่านั้น
นอกเหนือจากความเจนจัดในการเล่นเกมรุกและการผนึกเกมรับแล้วนั้น ฟูลแบ็คสมัยใหม่
ยังต้องมีความเข้าใจในแง่แท็คติคของเกมและความเป็นไปของเกมการแข่ง ต้องมีทักษะเฉพาะตัวที่ดี มีการครอสบอลที่แม่นยำและ
สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของสภาพร่างกายที่จำเป็นต้องฟิตกว่าผู้เล่นในตำแหน่งอื่น ด้วยเพราะมีหน้าที่รับผิดชอบทั้งการเล่นเกมรุก
และการลงมาเล่นเกมรับซึ่งเป็นหน้าที่หลักไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
และภาพแทนของฟูลแบ็คที่มีครบทั้งทั้งหมดที่กล่าวมา มันสะท้อนออกมาชัดเจนจากผลงานของ
ทั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนล และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่มีสถานะไม่ต่างอะไรกับอาวุธอันตราย
สำหรับทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่ ณ ตอนนี้ พวกเขาทั้งคู่โดดเด่นนำมาด้วยเรื่องพละกำลังของวัยหนุ่ม
ที่สามารถเติมเกมได้รวดเร็ว และลงมาแพ็คเกมรับได้ทันสถานการณ์ มีการครอสบอลที่แม่นยำอันตราย
แถมยังมีสกิลพิเศษเพิ่มเติมในเรื่องการเล่นลูกฟรีคิกอีกต่างหาก ซึ่งหากว่าในวันที่สามประสาน SMF เกิดฟอร์มดร็อปลงไป
สาวก เดอะ ค็อป ก็ยังมั่นใจได้ว่าพวกเขายังมีทางเลือกในการทำประตูจากสองฟูลแบ็คของพวกเขาอยู่
เทรนท์ เคยออกมาบอกว่า เขาและแอนดรูว์ต้องการเปลี่ยนทัศนคติและมุมมอง
ที่ผู้คนชอบนิยามผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ็คว่ามันเล่นง่ายและไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก
“เมื่อก่อนมันไม่มีใครอยากโตมาเป็นแกรี่ เนวิลล์ หรอก”
ในบริบทที่เทรนท์จะสื่อก็คือ ไม่มีเด็กคนหในหรอกอยากโตมาเป็นผู้เล่นฟูลแบ็ค
เพราะพวกเขาหวังจะโดดเด่นเป็นเช่นอย่าง โรนัลโด้ , อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ , ซีเนอดีน ซีดาน
และบรรดาผู้เล่นเกมรุกชื่อดังอีกมากมาย มากว่าจะเป็นแค่แกรี่ เนวิลล์
แต่ปัจจุบันนี้มันไม่เป็นเช่นนั้นแล้วครับ เพราะมาตรฐานความยอดเยี่ยมที่สองฟูลแบ็คคนหนุ่ม
แห่งถิ่นแอนฟิลด์กำลังทำอยู่ในตอนนี้ มันกลายเป็นภาพลักษณ์ใหม่ของผู้เล่นในตำแหน่งนี้ไปแล้ว
ฟูลแบ็ค ไม่ใช่ตำแหน่งของเด็กที่สอบตกมาจากการเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟอีกต่อไป
แต่คือตำแหน่งสำคัญของฟุตบอลสมัยใหม่ที่มีวิวัฒนาการไปตามแท็คติกการเล่น
และหัวหอกที่จะเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่น ในการเปิดยุคสมัยของฟูลแบ็คให้โดดเด่นขึ้นมานั้น
ก็หนีไม่พ้น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
นี่แหละครับเสน่ห์ของกีฬาฟุตบอล ที่ไม่ว่าคุณจะเล่นตำแหน่งใด
ย่อมมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเกมได้เสมอ ไม่ต่างอะไรกับชีวิตจริง
ที่เส้นทางในชีวิตไม่ได้มีเพียงเส้นทางเดียว
เด็กที่เอาดีในการเล่นเซนเตอร์ไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไร้ค่า
ในโลกแห่งความจริง หากเราไม่เก่งหรือไม่ถนัดด้านใด ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไร้ค่าเช่นกัน
ขอเพียงหาตัวตนของเราเองให้เจอครับ แล้วเราจะกลายเป็นเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์
หรือ แอนดรูว์ โรเบิรตสัน ได้อย่างแน่นอน
เชื่อว่าตอนนี้ทุกท่านคงได้รู้จัก นักเตะ ในตำแหน่ง ฟลูแบ็ค มากขึ้นกันเรียบร้อยแล้ว ติดตาม ข่าวบอลสด ข่าวบอลวันนี้ ข่าวลิเวอร์พูล ข่าวแมนยู รวมถึงทุกทีมดังจากรอบโลก ติดตามทุกความเคลื่อนไหวก็ได้ก่อนใครทางเว็บ : Maxbet